นอนกรน… อันตรายแค่ไหน
โดย:
เจ้าหนู
[IP: 116.212.148.xxx]
เมื่อ: 2023-12-09 17:28:25
นอนกรน… อันตรายแค่ไหน
นอนกรน… อันตรายแค่ไหน
นอนกรนเป็นอาการที่พบบ่อยมาก และเกิดขึ้นได้ในทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ แท้จริงแล้วเสียงกรนเป็นอาการที่บ่งบอกถึงการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งอาจเป็นตั้งแต่จมูก ช่องลำคอ โคนลิ้น หรือบางส่วนของกล่องเสียงซึ่งเกิดจากการหย่อนตัวลงในขณะหลับ จนทำให้เมื่อลมหายใจผ่านเนื้อเยื่อดังกล่าว เกิดการสั่นสะเทือนและมีเสียงดังขึ้น หากบางครั้งเกิดการตีบแคบมากขึ้นจนอุดกลั้นลมหายใจทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถหายใจเข้าออกได้เป็นระยะ ๆ ซึ่งเราเรียกลักษณะดังกล่าวว่า “โรคหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea, OSA)” หรือ “ โรคหยุดหายใจขณะหลับ”
โรคหยุดหายใจขณะหลับทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้หลายอย่าง เช่น เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรืออัมพฤกษ์และอัมพาต ภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุอันเนื่องมาจากความง่วงนอนมากผิดปกติ เสี่ยงต่อความบกพร่องของสมรรถนะทางสมอง หรือความจำถดถอย หรืออาจก่อให้เกิดความรำคาญต่อผู้นอนร่วมห้อง และหากมีการหยุดหายใจขณะหลับในเด็ก อาจทำให้มีความผิดปกติของพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสติปัญญา เกิดพฤติกรรมซุกซนก้าวร้าว ปัสสาวะรดที่นอน มีผลการเรียนที่แย่ลง หรือมีปัญหาสังคมสำหรับเด็กได้
“โรคหยุดหายใจขณะหลับ” ในประเทศไทยคาดว่า พบไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 ในเพศชายหรือร้อยละ 2 ในเพศหญิง และยังพบได้ประมาณร้อยละ 1 ของเด็กก่อนวัยเรียนและช่วงประถม
อาการที่บ่งบอกว่าอาจเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับ
นอนกรนดังมากเป็นประจำ จนเกิดความรำคาญต่อผู้ที่นอนร่วมห้อง
รู้สึกนอนหลับไม่เต็มอิ่ม ตื่นบ่อย มีอาการไม่สดชื่น
คอแห้ง
ปวดศีรษะเป็นประจำตอนเช้า
ง่วงวนอนมากผิดปกติในระหว่างวัน
หงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่ดี
มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
มีผู้อื่นสังเกตเห็นว่าหายใจม่สม่ำเสมอและมีเสียงกรนดังแต่หยุดเป็นช่วง ๆ
การตรวจวินิจฉัย
การซักประวัติเกี่ยวกับสุขภาพการนอน รวมไปถึงการซักถามอาการและปัจจัยอื่น ๆ
การตรวจร่างกายหาความผิดปกติศีรษะ ใบหน้า คอ จมูก และช่องปากอย่างละเอียดเพื่อประเมินลักษณะทางเดินหายใจส่วนต้น รวมไปถึงการตรวจร่างกายทั่วไป หรือ ระบบ อื่น ๆ เช่น ปอด หัวใจที่เกี่ยวข้อง
การตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องตรวจการนอนหลับ (polysomnography) เพื่อดูว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือไม่ และมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด
แนวทางการรักษา
การดูและและปฏิบัติตัวเบื้องต้น ได้แก่ การปรับสุขอนามัยการนอน งดเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนนอน หลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับและยาคลายกล้ามเนื้อ
ในรายที่อ้วนหรือน้ำหนักเกิน ควรลดน้ำหนัก ควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การรักษาจำเพาะแบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ ๆ
การรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) โดยมีหลักการคือเครื่องจะเป่าลมและใช้แรงดันลมเป็นตัวพยุง ด้วยแรงดันพอที่จะเปิดช่องทางเดินหายใจส่วนบนไว้ตลอดเวลาขณะหลับ
การใช้เครื่องมือทันตกรรม เพื่อป้องกันลิ้นตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจ
การรักษาด้วยการผ่าตัด
นอนกรน… อันตรายแค่ไหน
นอนกรนเป็นอาการที่พบบ่อยมาก และเกิดขึ้นได้ในทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ แท้จริงแล้วเสียงกรนเป็นอาการที่บ่งบอกถึงการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งอาจเป็นตั้งแต่จมูก ช่องลำคอ โคนลิ้น หรือบางส่วนของกล่องเสียงซึ่งเกิดจากการหย่อนตัวลงในขณะหลับ จนทำให้เมื่อลมหายใจผ่านเนื้อเยื่อดังกล่าว เกิดการสั่นสะเทือนและมีเสียงดังขึ้น หากบางครั้งเกิดการตีบแคบมากขึ้นจนอุดกลั้นลมหายใจทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถหายใจเข้าออกได้เป็นระยะ ๆ ซึ่งเราเรียกลักษณะดังกล่าวว่า “โรคหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea, OSA)” หรือ “ โรคหยุดหายใจขณะหลับ”
โรคหยุดหายใจขณะหลับทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้หลายอย่าง เช่น เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรืออัมพฤกษ์และอัมพาต ภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุอันเนื่องมาจากความง่วงนอนมากผิดปกติ เสี่ยงต่อความบกพร่องของสมรรถนะทางสมอง หรือความจำถดถอย หรืออาจก่อให้เกิดความรำคาญต่อผู้นอนร่วมห้อง และหากมีการหยุดหายใจขณะหลับในเด็ก อาจทำให้มีความผิดปกติของพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสติปัญญา เกิดพฤติกรรมซุกซนก้าวร้าว ปัสสาวะรดที่นอน มีผลการเรียนที่แย่ลง หรือมีปัญหาสังคมสำหรับเด็กได้
“โรคหยุดหายใจขณะหลับ” ในประเทศไทยคาดว่า พบไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 ในเพศชายหรือร้อยละ 2 ในเพศหญิง และยังพบได้ประมาณร้อยละ 1 ของเด็กก่อนวัยเรียนและช่วงประถม
อาการที่บ่งบอกว่าอาจเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับ
นอนกรนดังมากเป็นประจำ จนเกิดความรำคาญต่อผู้ที่นอนร่วมห้อง
รู้สึกนอนหลับไม่เต็มอิ่ม ตื่นบ่อย มีอาการไม่สดชื่น
คอแห้ง
ปวดศีรษะเป็นประจำตอนเช้า
ง่วงวนอนมากผิดปกติในระหว่างวัน
หงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่ดี
มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
มีผู้อื่นสังเกตเห็นว่าหายใจม่สม่ำเสมอและมีเสียงกรนดังแต่หยุดเป็นช่วง ๆ
การตรวจวินิจฉัย
การซักประวัติเกี่ยวกับสุขภาพการนอน รวมไปถึงการซักถามอาการและปัจจัยอื่น ๆ
การตรวจร่างกายหาความผิดปกติศีรษะ ใบหน้า คอ จมูก และช่องปากอย่างละเอียดเพื่อประเมินลักษณะทางเดินหายใจส่วนต้น รวมไปถึงการตรวจร่างกายทั่วไป หรือ ระบบ อื่น ๆ เช่น ปอด หัวใจที่เกี่ยวข้อง
การตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องตรวจการนอนหลับ (polysomnography) เพื่อดูว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือไม่ และมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด
แนวทางการรักษา
การดูและและปฏิบัติตัวเบื้องต้น ได้แก่ การปรับสุขอนามัยการนอน งดเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนนอน หลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับและยาคลายกล้ามเนื้อ
ในรายที่อ้วนหรือน้ำหนักเกิน ควรลดน้ำหนัก ควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การรักษาจำเพาะแบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ ๆ
การรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) โดยมีหลักการคือเครื่องจะเป่าลมและใช้แรงดันลมเป็นตัวพยุง ด้วยแรงดันพอที่จะเปิดช่องทางเดินหายใจส่วนบนไว้ตลอดเวลาขณะหลับ
การใช้เครื่องมือทันตกรรม เพื่อป้องกันลิ้นตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจ
การรักษาด้วยการผ่าตัด
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments