"นอน" มากเกินไป ส่งผลเสียอย่างไรต่อร่างกายบ้าง
โดย:
POPCORN
[IP: 116.212.148.xxx]
เมื่อ: 2023-10-14 07:30:53
จากที่เป็นคนนอน 6-8 ชั่วโมงตามปกติ กลายเป็นคนที่ต้องนอน 9-10 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นแล้วถึงจะรู้สึกหายง่วง หากเพิ่งจะเป็นแบบนี้ในช่วงปี หรือเดือนที่ผ่านมา อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากผลข้างเคียงจากภาวะเครียด หรือซึมเศร้าได้
แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือหมอผิง ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท กล่าวถึงระยะการนอนที่เหมาะสมไว้ในพอดแคสต์ Single Being EP.49 ว่า National Sleep Foundation ของสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า ระยะการนอนที่เหมาะสมสำหรับคนวัย 18-64 ปี คือ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน จึงจะทำให้มีสุขภาพที่ดี หมอหลายท่านแนะนำให้นอนราว 7-8 ชั่วโมงจะดีที่สุด แต่จำนวนชั่วโมงในการนอนอาจเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม เช่น มีบางคนที่มี “ยีนส์นอนน้อย” จนทำให้สามารถนอนแค่เพียง 4-5 ชั่วโมงก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ง่วงไม่เพลีย
“ยีนนอนน้อย” คำอธิบายของคนที่นอนไม่กี่ชั่วโมง แต่สดใสเหมือนนอนเต็มที่
แต่คนที่นอนมากกว่า 9 ชั่วโมงขึ้นไป ไม่ว่าจะเข้านอนเวลาไหนก็ตาม แต่หากนับเวลานอนแล้วมากกว่า 9 ชั่วโมง จะเรียกว่าเป็นการนอนที่ “มากเกินไป”
นอนกี่ชั่วโมง ถึงจะ “พอดี” กับ “อายุ”
สาเหตุของการนอนมากเกินไป
การที่ใครสักคนจะนอนมากกว่า 9 ชั่วโมงขึ้นไปถึงจะรู้สึกหลับเต็มตื่น ไม่ง่วงเพลีย อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยเหล่านี้
พันธุกรรม พบว่า 2% ของประชากรทั้งหมดอาจมีพฤติกรรมการนอนมากกว่า 9 ชั่วโมงตั้งแต่เด็ก สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี
ผลข้างเคียง หรืออาการจากโรคที่เป็นอยู่ เช่น โรคอุดกั้นทางเดินหายใจระหว่างนอน (นอนกรน และหยุดหายใจขณะนอน) โรคลมหลับ (ง่วงนอนตลอดทั้งวัน)
นอนไม่อยากตื่น อาจเป็นหนึ่งในอาการของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หรือโรคเครียด
"นอน" มากเกินไป ส่งผลเสียอย่างไรต่อร่างกายบ้าง
การนอนมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคอันตรายเหล่านี้
โรคเบาหวาน
โรคอ้วนลงพุง
โรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคซึมเศร้า
ปวดหลัง
ปวดศีรษะ
วิธีปรับเวลานอนให้ดีต่อสุขภาพ
ตั้งเวลาเข้านอน และตื่นนอนไม่เกิน 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
เข้านอน และตื่นนอนเวลาเดิมทุกวัน รวมถึงเสาร์อาทิตย์ เลื่อนเวลาได้ไม่เกิน 30 นาที
ไม่กินอาหารเย็นดึกจนเกินไป (เพราะต้องกินข้าวเย็นก่อนนอนอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง)
ไม่กินอาหารเย็นมากเกินไป เพราะอาจส่งผลให้เรานอนดึกเกินไป รวมถึงคุณภาพในการนอนไม่ดีเท่าที่ควร
งดใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดก่อนนอน เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจออาจทำให้เราไม่ง่วง รบกวนคุณภาพในการนอนได้
ผ่อนคลายความเครียดก่อนเข้านอน ด้วยการทำกิจกรรมเบาๆ เช่น อาบน้ำอุ่น อ่านหนังสือเนื้อหาสบายๆ ฟังเพลงช้าๆ เบาๆ
ตอนเช้าให้เปิดผ้าม่านให้แสงสว่างเข้ามาในห้อง ใครที่ตื่นยากอาจนอนเปิดผ้าม่านเอาไว้ก็ได้
สัมผัสกับแสงแดดในตอนเช้า เพื่อให้ร่างกายกระตุ้นนาฬิกาชีวภาพของเราให้ทำงาน
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เลี่ยงนอนกลางวันมากเกินไป ไม่นอนกลางวันเกิน 20-30 นาที และหลีกเลี่ยงการนอนกลางวันหลัง 16.00 น.
ลดการดื่มแอลกอฮอล์
ตั้งเป้าหมายตั้งแต่ก่อนนอนว่า ในวันรุ่งขึ้นจะทำอะไร เลือกกิจกรรมที่อยากทำ หรือหาจุดประสงค์ของการตื่นนอนในทุกๆ วันว่าเราอยากมีชีวิตอยู่เพื่อใคร เพื่อทำอะไร
หากเพิ่งเริ่มมีพฤติกรรมในการนอนมากเกินไปไม่นาน ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง
แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือหมอผิง ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท กล่าวถึงระยะการนอนที่เหมาะสมไว้ในพอดแคสต์ Single Being EP.49 ว่า National Sleep Foundation ของสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า ระยะการนอนที่เหมาะสมสำหรับคนวัย 18-64 ปี คือ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน จึงจะทำให้มีสุขภาพที่ดี หมอหลายท่านแนะนำให้นอนราว 7-8 ชั่วโมงจะดีที่สุด แต่จำนวนชั่วโมงในการนอนอาจเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม เช่น มีบางคนที่มี “ยีนส์นอนน้อย” จนทำให้สามารถนอนแค่เพียง 4-5 ชั่วโมงก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ง่วงไม่เพลีย
“ยีนนอนน้อย” คำอธิบายของคนที่นอนไม่กี่ชั่วโมง แต่สดใสเหมือนนอนเต็มที่
แต่คนที่นอนมากกว่า 9 ชั่วโมงขึ้นไป ไม่ว่าจะเข้านอนเวลาไหนก็ตาม แต่หากนับเวลานอนแล้วมากกว่า 9 ชั่วโมง จะเรียกว่าเป็นการนอนที่ “มากเกินไป”
นอนกี่ชั่วโมง ถึงจะ “พอดี” กับ “อายุ”
สาเหตุของการนอนมากเกินไป
การที่ใครสักคนจะนอนมากกว่า 9 ชั่วโมงขึ้นไปถึงจะรู้สึกหลับเต็มตื่น ไม่ง่วงเพลีย อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยเหล่านี้
พันธุกรรม พบว่า 2% ของประชากรทั้งหมดอาจมีพฤติกรรมการนอนมากกว่า 9 ชั่วโมงตั้งแต่เด็ก สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี
ผลข้างเคียง หรืออาการจากโรคที่เป็นอยู่ เช่น โรคอุดกั้นทางเดินหายใจระหว่างนอน (นอนกรน และหยุดหายใจขณะนอน) โรคลมหลับ (ง่วงนอนตลอดทั้งวัน)
นอนไม่อยากตื่น อาจเป็นหนึ่งในอาการของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หรือโรคเครียด
"นอน" มากเกินไป ส่งผลเสียอย่างไรต่อร่างกายบ้าง
การนอนมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคอันตรายเหล่านี้
โรคเบาหวาน
โรคอ้วนลงพุง
โรคหลอดเลือดหัวใจ
โรคซึมเศร้า
ปวดหลัง
ปวดศีรษะ
วิธีปรับเวลานอนให้ดีต่อสุขภาพ
ตั้งเวลาเข้านอน และตื่นนอนไม่เกิน 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
เข้านอน และตื่นนอนเวลาเดิมทุกวัน รวมถึงเสาร์อาทิตย์ เลื่อนเวลาได้ไม่เกิน 30 นาที
ไม่กินอาหารเย็นดึกจนเกินไป (เพราะต้องกินข้าวเย็นก่อนนอนอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง)
ไม่กินอาหารเย็นมากเกินไป เพราะอาจส่งผลให้เรานอนดึกเกินไป รวมถึงคุณภาพในการนอนไม่ดีเท่าที่ควร
งดใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดก่อนนอน เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจออาจทำให้เราไม่ง่วง รบกวนคุณภาพในการนอนได้
ผ่อนคลายความเครียดก่อนเข้านอน ด้วยการทำกิจกรรมเบาๆ เช่น อาบน้ำอุ่น อ่านหนังสือเนื้อหาสบายๆ ฟังเพลงช้าๆ เบาๆ
ตอนเช้าให้เปิดผ้าม่านให้แสงสว่างเข้ามาในห้อง ใครที่ตื่นยากอาจนอนเปิดผ้าม่านเอาไว้ก็ได้
สัมผัสกับแสงแดดในตอนเช้า เพื่อให้ร่างกายกระตุ้นนาฬิกาชีวภาพของเราให้ทำงาน
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เลี่ยงนอนกลางวันมากเกินไป ไม่นอนกลางวันเกิน 20-30 นาที และหลีกเลี่ยงการนอนกลางวันหลัง 16.00 น.
ลดการดื่มแอลกอฮอล์
ตั้งเป้าหมายตั้งแต่ก่อนนอนว่า ในวันรุ่งขึ้นจะทำอะไร เลือกกิจกรรมที่อยากทำ หรือหาจุดประสงค์ของการตื่นนอนในทุกๆ วันว่าเราอยากมีชีวิตอยู่เพื่อใคร เพื่อทำอะไร
หากเพิ่งเริ่มมีพฤติกรรมในการนอนมากเกินไปไม่นาน ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments